บทที่ 19 เหตุร้าย (100%)

“หมอคะ ช่วยแม่กับพ่อหนูด้วยนะคะ ช่วยพวกเขาด้วย…ได้โปรด”

หมอวัยกลางคนพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินเข้าห้องฉุกเฉินเพื่อทำหน้าที่ยื้อชีวิตคนไข้ ส่วนคนที่ยังคงร้องไห้น้ำตาไหลตลอดเวลาด้วยความหวาดกลัวการสูญเสียก็เดินกลับไปยืนเกาะประตูเฝ้ารออย่างร้อนใจ บ้างเดินไปเดินมาด้วยความกระวนกระวายใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่อาจทราบได้ แต่ทันทีที่ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก คนที่นั่งกุมมือตัวเองด้วยความกดดัน ร้อนใจ ทุกข์ระทม ก็ทะลึ่งพรวดขึ้นจากเก้าอี้ แล้วถลาไปหาหมอ พร้อมละล่ำละลักถามไถ่

“หมอคะ พ่อกับแม่หนูเป็นยังไงคะ พ่อกับแม่หนูรอดใช่ไหม หมอช่วยชีวิตได้…ใช่ไหม”

แววตามีความหวังและเฝ้ารอคำตอบทำให้หมอนิ่งไปอึดใจ ก่อนจะเอ่ยอย่างนุ่มนวล ด้วยอดที่จะเวทนาเด็กสาวที่เอาแต่ร้องไห้ตลอดเวลาไม่ได้

“หมอเสียใจด้วยนะหนู หมอทำเต็มที่แล้ว”

ขาดคำหมอก็ขอตัวไปดูคนไข้ที่เพิ่งถูกเข็นเข้ามาในห้องฉุกเฉิน แต่คนที่ได้ฟังคำตอบสุดช็อกกลับเหมือนถูกตรึงไว้ตรงนั้น โลกเหมือนหยุดหมุน ลมหายใจเหมือนถูกกระชากออกไปจากร่าง

ไม่รู้ว่านานแค่ไหน เธอถึงได้ควานหาเสียงตัวเองเจอ

“มะ…ไม่ ไม่จริง พ่อกับแม่ต้องไม่ทิ้งบี๋สิ ถ้าไม่มีพ่อกับแม่…แล้วบี๋จะอยู่กับใคร”

ปากสั่นระริกขยับพร่ำรำพันราวกับคนเสียสติ ก่อนจะทรุดกายลงนั่งแหมะกับพื้นด้วยความเสียศูนย์อย่างถึงที่สุด ไม่เหลือแม้กระทั่งแรงที่จะทรงตัวอีกต่อไป จากนั้นหยาดน้ำตาก็พรั่งพรูออกมาอย่างสุดกลั้น ความรู้สึกตอนนั้นประหนึ่งโลกทั้งใบได้ถล่มทลายลงมาต่อหน้าต่อตา เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ต่อแต่นี้จะไม่มีพ่อกับแม่คอยอุ้มชู การเหลือตัวคนเดียว การที่ต้องใช้ชีวิตเพียงลำพังนับจากนี้เป็นต้นไปช่างน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก

หลังจากนั้นตำรวจก็เชิญบูรณิมาไปสอบปากคำที่โรงพักเกี่ยวกับการตายของพ่อกับแม่ และแจ้งให้เธอทราบว่าแม่ของเธอได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมนีรา ทำเอาบูรณิมาช็อกจนพูดไม่ออก เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นก็เท่ากับว่า แม่ของเธอ ‘อาจจะ’ ตั้งใจกินยาฆ่าตัวตายหนีความผิด

ถึงแม้ตำรวจจะบอกว่าแม่ของเธอเป็นแค่ผู้ต้องสงสัย และ ‘อาจจะ’ ไม่ได้เป็นฆาตกรในคดีของนีรา แต่ไม่รู้เหตุใดใจเธอถึงได้สั่นไหวรุนแรง บูรณิมาเกรงว่าทุกอย่างมันอาจจะไม่ใช่แค่ข้อสันนิษฐาน ด้วยในช่วงระยะหลังๆ พฤติกรรมของแม่เปลี่ยนไปจนผิดสังเกต และมีอะไรน่าสงสัยหลายอย่าง ซึ่งตำรวจจะแจ้งให้เธอทราบในภายหลัง เพราะจะต้องมีการสืบสวนสอบสวน และหาหลักฐานอีกพอสมควร ถึงแม้แม่ของเธอจะตายไปแล้ว แต่ยังมีพยานแวดล้อม พยานบุคคล อีกทั้งตำรวจยังได้แจ้งว่าจะขอเข้าไปเก็บหลักฐานเพิ่มเติมในบ้านของเธอ

บูรณิมาไปฟังผลชันสูตรศพของพ่อกับแม่ที่โรงพยาบาล และทำเรื่องนำศพไปยังวัดที่จะทำพิธีสวดอภิธรรม จากนั้นก็ไปคุยกับตำรวจเรื่องคดีความดังที่กำลังเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วประเทศ นั่นก็คือการถูกฆาตกรรมอย่างมีเงื่อนงำของนีรา ซึ่งแม่ของเธอตกเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง

หญิงสาวร้อนใจอยากรู้ว่าคดีคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว เพราะไม่อาจรับได้กับข้อสันนิษฐานของทางตำรวจ ด้วยในใจยังเชื่อมั่นในตัวแม่ของตัวเอง และยังหวังลึกๆ ว่าฆาตกรเลือดเย็นนั้นจะไม่ใช่แม่ แม่ของเธอแค่ถูกใส่ร้าย แม่ของเธอเป็นผู้บริสุทธิ์ เธอทำใจไม่ได้ตราบใดที่เรื่องคดีความยังไม่กระจ่างแจ้ง ไม่มีใครอยากให้แม่ตัวเองตายไปพร้อมกับมลทินหรอก แต่คำตอบที่ได้จากตำรวจก็ไม่ได้ทำให้สบายใจขึ้นมาเลยสักนิด เพราะคดียังไม่คืบหน้า

กว่าคนที่พานพบกับการสูญเสียจะกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาเลยเที่ยงคืนไปแล้ว ดีว่าในเวลาที่รู้สึกแย่ หดหู่ และท้อแท้ที่สุดในชีวิต เธอยังมีศรีจิตตราคอยอยู่เคียงข้าง อีกฝ่ายเป็นแฟนนิยายของเธอมาตั้งแต่ต้น ตามคอมเม้นท์นิยายทุกเรื่องที่เธอลงให้อ่านตัวอย่างในเว็บ แต่ไม่เคยเปิดเผยตัวตน จะออกตัวเฉพาะนิยายแปลจีน กระทั่งระยะหลังๆ ที่อีกฝ่ายคลั่งไคล้นิยายเรื่องล่าสุดของเธอแบบเป็นบ้าเป็นหลัง ซึ่งก็คือเรื่อง ‘กับดักมัจจุราชไร้หัวใจ’ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ทั้งคู่ได้รู้จักกัน แถมศรีจิตตรายังอาสาตรวจคำผิดให้เธอ จนไปๆ มาๆ บูรณิมาก็เริ่มจ้างอีกฝ่ายพิสูจน์อักษร แน่นอนแรกๆ อีกฝ่ายไม่ขอรับเป็นเงิน แต่สุดท้ายบูรณิมาก็คะยั้นคะยอจนสำเร็จ

“กลับมาแล้วค่า…”

ทันทีที่เท้าก้าวผ่านธรณีประตูเสียงหวานก็หลุดจากปากอิ่มด้วยความเคยชิน พลันชะงักกึก หัวตาร้อนผ่าว ส่วนหน้าอกด้านซ้ายนั้นวูบโหวงจนน่าใจหาย เมื่อนึกขึ้นได้ว่าต่อแต่นี้จะไม่มีใครรอเธอกลับบ้านอีกแล้ว ไม่มีคนรอกินข้าว ไม่มีคนถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ บ้านหลังนี้ไม่เหลือใครแล้ว ยกเว้นเธอคนเดียว น้ำตาเจ้ากรรมพลันไหลออกมา ความเสียใจที่ข่มกลั้นเอาไว้และทำเป็นเข้มแข็งเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นพังทลายในชั่วพริบตา เธอยืนร้องไห้เงียบๆ อยู่กลางโถงของบ้านพักใหญ่ ก่อนจะสงบสติอารมณ์ ไปอาบน้ำ แล้วเข้านอน

มาเล่นกันเถอะ!

มือปริศนาที่พยายามไขว่คว้าดึงรั้ง เสียงเรียกย้ำๆ ซ้ำๆ ผสานกับเสียงลมกระโชกหวีดหวิวชวนขนลุก ทำให้ร่างอวบอิ่มส่ายหน้าไปมา ส่วนมือก็สะบัดเร่าๆ ทั้งที่ยังหลับตา ต่อสู้กับความฝันสุดสะพรึงอยู่นานพอควร ถึงได้สะดุ้งเฮือกหลุดจากห้วงฝันร้ายด้วยสภาพใบหน้าชื้นเหงื่อ ผุดลุกขึ้นนั่ง มือสั่นระริกเอื้อมไปกดสวิตช์โคมไฟตรงหัวเตียง

“ฝันอะไรประหลาดแบบนี้”

คนที่ถูกปลุกด้วยความฝันประหลาด แถมยังน่ากลัว พึมพำกับตัวเอง ขณะยกมือขึ้นลูบใบหน้าชื้นเหงื่อ พ่นลมหายใจออกมา แล้วล้มตัวลงนอนด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

บทก่อนหน้า
บทถัดไป